2011年8月13日星期六

สมัยอยุธยา


  กรุงศรีอยุธยาก่อกำเนิดขึ้นเป็น ราชธานีในปี พ.ศ.1893 แต่มีข้อถกเถียงกันมากว่า การถือกำเนิดของกรุง ศรีอยุธยานั้น มิได้เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนเสียทีเดียว
  เป็นที่ราบลุ่ม มีแม่น้ำสายใหญ่ไหลผ่าน 3 สาย คือ แม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่านทางด้านทิศตะวันตกแลทิศใต้ แม่น้ำป่าสักไหลผ่านทางทิศตะวันออก และแม่น้ำลพบุรี(ปัจจุบันเป็นคลองเมือง)ไหลผ่านทางด้านทิศเหนือ แม่น้ำสามสายนี้ไหลมาบรรจบกัน โอบล้อมรอบพื้นที่ของตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา ตัวเมืองจึงมีลักษณะเป็นเกาะ เราจะเห็นบ้านเรือนปลูกเรียงรายหนาแน่นตาม สองข้างฝั่งแม่น้ำแสดง ถึงวิถีชีวิตของผู้คนที่ผูกพันธ์อยู่กับสายน้ำมายาวนาน
 สถานที่แหล่งท่องเที่ยว
  ศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยาจัดตั้งขึ้นตามโครงการที่นักวิชาการไทยและนักวิชาการญี่ปุ่นปรับขยายมาจากข้อเสนอเดิมของสมาคมไทย-ญี่ปุ่น และจังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งเคยเสนอปรับปรุงบริเวณที่เคยเป็นหมู่บ้านญี่ปุ่นให้จัดสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์หมู่บ้านญี่ปุ่น มาเป็นการเสนอให้ จัดตั้งเป็นศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์อยุธยาซึ่งจะทำหน้าที่เป็นสถาบันวิจัยและพิพิธภัณฑสถานเกี่ยวกับราชอาณาจักรอยุธยาโดยรวม และได้รับงบประมาณช่วยเหลือแบบให้เปล่าจากรัฐบาลญี่ปุ่นเป็นเงิน 999 ล้านเยน




 วัดบรมพุทธาราม อยู่ภายในบริเวณสถาบันราชภัฏพระนครศรีอยุธยา หรือที่ชาวบ้านเรียกกันทั่วไปว่า "วัดกระเบื้องเคลือบ"
   พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา ตั้งอยู่ที่ตำบลประตูชัย ถนนโรจนะ ตรงข้ามกับสถาบันราชภัฏพระนครศรีอยุธยา หากมาจากกรุงเทพฯ
คุ้มขุนแผน ตั้งอยู่ที่ถนนป่าโทน เป็นตัวอย่างของหมู่เรือนไทยภาคกลาง ในรูปแบบเรือนคหบดีไทยสมัยโบราณ เดิมเป็นจวนสมุหเทศาภิบาล

วัดมเหยงค์ สร้างในรัชกาลสมเด็จเจ้าสามพระยา เมื่อ พ.ศ. 1981 โดยสร้างเจดีย์ทรงระฆังอยู่บนฐานทักษิณ มีช้างล้อมเป็นประธานของวัดเจดีย์ช้างล้อมนั้น สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่าคงเอาแบบอย่างมาจากพระเจดีย์ชัยของพระเจ้าทุษฐาคามินีมหาราชในลักกาทวีป ซึ่งทรงช้างชื่อกุลฑลทำสงครามได้ชัยชนะ ได้ครองราชสมบัติมีโอกาสทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาในลักกาให้รุ่งเรืองยิ่งในสมัยพระองค์ เจดีย์ช้างล้อมในลักษณะคล้ายกันนี้เคยพบมาแล้วที่เมืองสุโขทัย เมืองศรีสัชนาลัย และเมืองกำแพงเพชร ส่วนชื่อวัดมเหยงค์นั้นสันนิษฐานว่าตั้งชื่อตามมหิยังคณะเจดีย์ในลักกาทวีป



没有评论:

发表评论